ผู้เขียน | สุรสวัสดิ สุขสวัสดิ์, ม.ล. |
ชื่อวิทยานิพนธ์ | การศึกษาพระพิมพ์ภาคใต้ของประเทศไทย |
มหาวิทยาลัย | ศิลปากร |
คณะ | โบราณคดี |
สาขาวิชา | โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ |
ระดับการศึกษา | ปริญญาโท |
ปี | 2528 (1985) |
จำนวนหน้า | 403 |
ภาษา | ภาษาไทย |
ที่มา | ลิงก์ที่มา |
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 2 ประวัติศาสตร์การสร้างพระพิมพ์และพระพิมพ์ในดินแดนต้นกำเนิดพุทธศาสนา
บทที่ 3 พระพิมพ์จากภาคใต้ของประเทศไทยในพิพิธภัณฑ์ฑสถานแห่งชาติ 5 แห่ง
บทที่ 4 พระพิมพ์จากแหล่งโบราณคดีอื่นๆ บางแห่งซึ่งจะนำมาเปรียบเทียบ
บทที่ 5 วิเคราะห์และเปรียบเทียบ
บทที่ 6 สรุป
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 2 ประวัติศาสตร์การสร้างพระพิมพ์และพระพิมพ์ในดินแดนต้นกำเนิดพุทธศาสนา
บทที่ 3 พระพิมพ์จากภาคใต้ของประเทศไทยในพิพิธภัณฑ์ฑสถานแห่งชาติ 5 แห่ง
บทที่ 4 พระพิมพ์จากแหล่งโบราณคดีอื่นๆ บางแห่งซึ่งจะนำมาเปรียบเทียบ
บทที่ 5 วิเคราะห์และเปรียบเทียบ
บทที่ 6 สรุป
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อทำการศึกษาพระพิมพ์ภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะพระพิมพ์ดินดิบแบบศิลปะทวารวดีและศรีวิขัย ซึ่งได้ค้นพบตามถ้ำเขาหินปูนในคาบสมุทรไทย ทั้งนี้เพื่อต้องการทราบถึงรูปแบบของพระพิมพ์และคตินิกายต่าง ๆ เนื่องในพุทธศาสนาที่นิยมกันในคาบสมุทรไทย ในช่วงเวลาที่ศิลปะทั้งสองสกุลกำลังเจริญอยู่ จากการศึกษาพระพิมพ์ 44 แบบ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 5 แห่ง ปรากฏว่าสามารถจัดกลุ่มพระพิมพ์ภาคใต้ได้ 4 กลุ่มคือ พระพิมพ์ที่มีรูปพระพุทธเจ้า พระพิมพ์ที่มีรูปพระโพธิสัตว์ พระพิมพ์ที่มีรูปเทพชั้นรอง และพระพิมพ์ที่มีรูปสถูป จากการวิเคราะห์เราสามารถกำหนดอายุพระพิมพ์ทั้ง 4 กลุ่มนี้ได้เป็น 2 ยุค โดยทั้งนี้ยังมีหลักฐานพระพิมพ์แบบอิทธิพบศิลปะอินเดียก่อนหน้านี้ราวพุทธศตวรรษที่ 10 หรือ 11 ถึงราวพุทธศตวรรษที่ 12 สำหรับพระพิมพ์ภาคใต้ 2 ยุคนั้น ยุคแรกได้แก่พระพิมพ์สมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 ทั้งพระพิมพ์สมัยทวารวดีและพระพิมพ์แบบอิทธิพลศิลปะอินเดียก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นถึงพุทธศาสนานิกายเถรวาท พุทธศาสนานิกายสรวาสติวาส และพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งแพร่มาจากภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศอินเดีย ส่วนพระพิมพ์ยุคที่ 2 ได้แก่พระพิมพ์สมัยศรีวิชัยอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 ในระยะนี้แม้ว่าพุทธศาสนาทั้งสามนิกายจะยังคงเป็นที่นับถือกันต่อมา แต่อิทธิพลพุทธศาสนานิกายวัชรยานฝ่ายมหายานจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียและจากชวาภาคกลางก็เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้น พระพิมพ์ภาคใต้ของประเทศไทยทั้งสองยุคนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพิมพ์แบบทวารวดีในภาคกลางของประเทศไทย และพระพิมพ์แบบศรีวิชัยจากประเทศมาเลเซียและหมู่เกาะอินโดนีเซีย ขณะที่พระพิมพ์แบบทวารวดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยจะมีความสัมพันธ์กับพระพิมพ์แบบทวารวดีในภาคกลางมากกว่าในภาคใต้ของประเทศไทย อย่างไรก็ตามพระพิมพ์ดินดิบจากคาบสมุทรไทย-มลายูก็มีคติการสร้างขึ้นเพื่อเป็นปรมัตถประโยชน์หรือเป็นการอุทิศแก่ผู้ตาย ต่างไปจากคติการสร้างพระพิมพ์เพื่อเป็นการสืบพระพุทธศาสนาของชุมชนทวารวดีในภาคกลางของประเทศไทย หรือคติการสร้างสถูปจำลองและพระพิมพ์ซึ่งสันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นเพื่อพิธีทางศาสนาในหมู่เกาะอินโดนีเซีย สิ่งนี้นับเป็นเอกลักษณ์ของพระพิมพ์สมัยทวารวดีและสมัยศรีวิชัยในภาคใต้ ซึ่งอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากถ้ำเจติยสถานในภาคตะวันตกของประเทศอินเดียก็เป็น