ผู้ผลิต | ประวัติศาสตร์นอกตำรา |
เรื่องย่อ |
[ประวัติศาสตร์นอกตำรา] “อีศานปุระ” ศูนย์กลางแห่งอาณาจักรเจนละ ที่ร่วมยุคสมัยเดียวกับทวารวดีในเขตประทศไทย ตั้งอยู่บริเวณที่ราบอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำสตึงแสน ในเขต จ.กำปงธม ห่างจากเมืองเสียมเรียบทางทิศตะวันออกของทะเลสาบเขมรมาประมาณ 120 กิโลเมตร
การเติบโตของอาณาจักรเจนละเกิดขึ้นเมื่ออาณาจักรฝูหนาน หรือฟูนาน ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่อังกอร์โบเรย และภูเขาพนมดา ใกล้ปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของกัมพูชาเริ่มเสื่อมอำนาจลง ทำให้พระเจ้าภววรมันที่ 1 กษัตริย์แห่งเจนละ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฟูนัน ได้ร่วมกับเจ้าชายจิตรเสน พระอนุชา ประกาศแยกตัวจากการเป็นรัฐบริวาร และเริ่มทำสงครามกับพระเจ้ารุทรวรมันแห่งฟูนัน
ภายใต้รัชกาลของพระเจ้าภววรมันที่ 1 อาณาจักรเจนละได้แผ่ขยายอาณาเขตไปทางใต้บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง จนเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง เจ้าชายจิตรเสน พระอนุชา จึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติในราว พ.ศ. 1145 ในพระนาม พระเจ้ามเหนทรวรมัน ซึ่งยังคงพระราโชบายในการสร้างความมั่นคงให้แก่อาณาจักรเจนละต่อไป
เมื่อพระเจ้ามเหนทรวรมันสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ” ผู้เป็นโอรสได้ขึ้นสืบราชสมบัติ และทรงสร้าง “อีศานปุระ” ที่แปลว่า “เมืองของพระเจ้าอีศานวรมัน” ขึ้นเป็นราชธานีของพระองค์
พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 1159 – 1179 นับเป็นกษัตริย์ที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเจนละอย่างแท้จริง พระองค์ทรงสามารถผนวกดินแดนฝูหนานได้สำเร็จ และยังทรงแผ่ขยายอำนาจของเจนละออกไปอย่างกว้างใหญ่ จนมีอาณาเขตเกือบเท่าประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน
อาณาจักรเจนละสืบต่อความรุ่งเรืองภายหลังสิ้นรัชสมัยพระเจ้าอิศานวรมันที่ 1 ได้อีกเพียง 78 ปี ภายใต้กษัตริย์ 3 พระองค์ แต่ในที่สุดเจนละก็ต้องแตกออกเป็น 2 แคว้น คือ เจนละบก ตั้งอยู่ทางเหนือตรงกับบริเวณที่ตั้งของอาณาจักรเจนละเดิม และเจนละน้ำ ตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นอาณาจักรฟูนันโบราณมาก่อน ต่อมาเจนละน้ำได้ถูกอาณาจักรชวาเข้ายึดครองในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 13 และยังได้นำตัวรัชทายาทคือ เจ้าชายวรมันที่ 2 ไปเป็นตัวประกัน
จนถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 14 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เสด็จกลับจากชวา และทรงปลดปล่อยอาณาจักรเจนละให้เป็นอิสระ พระองค์ทรงรวบรวมบ้านเมืองที่แตกแยกเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมด้วยการสถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้นที่มเหนทรมหาบรรพต หรือพนมกุเลนในปี พ.ศ. 1345 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดศักราชใหม่ในการสู่ “สมัยเมืองพระนคร” ที่จะมีศูนย์กลางอำนาจอันรุ่งเรืองบริเวณลุ่มน้ำโตนเลสาบอย่างแท้จริงต่อไป
ประวัติศาสตร์นอกตำราออกเดินทางสำรวจกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก ซึ่งเป็นชื่อใหม่ที่แปลว่า “ป่าอันสมบูรณ์ไปด้วยปราสาท” ทั้งหมดคือหลักฐานความรุ่งเรืองที่เคยเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-14 ของอาณาจักรอีศานปุระ โดยเฉพาะเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปะกรรมแบบสมโบร์ไพรกุกที่นับเป็นแบบแผนประจำรัชกาลพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 นับเป็นกลุ่มโบราณสถานลำดับที่ 3 ของกัมพูชาต่อจากปราสาทนครวัด และปราสาทเขาพระวิหาร |
ความยาว | 23:54 นาที |
คำสำคัญ/ป้ายกำกับ | เจนละ อีศานปุระ พระเจ้าอีศานวรมัน อังกอร์โบเรย พนมดา พระเจ้ามเหนทรวรมัน ปราสาทสมโบร์ไพรกุก |
[ประวัติศาสตร์นอกตำรา] “อีศานปุระ” ศูนย์กลางแห่งอาณาจักรเจนละ ที่ร่วมยุคสมัยเดียวกับทวารวดีในเขตประทศไทย ตั้งอยู่บริเวณที่ราบอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำสตึงแสน ในเขต จ.กำปงธม ห่างจากเมืองเสียมเรียบทางทิศตะวันออกของทะเลสาบเขมรมาประมาณ 120 กิโลเมตร
การเติบโตของอาณาจักรเจนละเกิดขึ้นเมื่ออาณาจักรฝูหนาน หรือฟูนาน ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่อังกอร์โบเรย และภูเขาพนมดา ใกล้ปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของกัมพูชาเริ่มเสื่อมอำนาจลง ทำให้พระเจ้าภววรมันที่ 1 กษัตริย์แห่งเจนละ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฟูนัน ได้ร่วมกับเจ้าชายจิตรเสน พระอนุชา ประกาศแยกตัวจากการเป็นรัฐบริวาร และเริ่มทำสงครามกับพระเจ้ารุทรวรมันแห่งฟูนัน
ภายใต้รัชกาลของพระเจ้าภววรมันที่ 1 อาณาจักรเจนละได้แผ่ขยายอาณาเขตไปทางใต้บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง จนเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง เจ้าชายจิตรเสน พระอนุชา จึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติในราว พ.ศ. 1145 ในพระนาม พระเจ้ามเหนทรวรมัน ซึ่งยังคงพระราโชบายในการสร้างความมั่นคงให้แก่อาณาจักรเจนละต่อไป
เมื่อพระเจ้ามเหนทรวรมันสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ” ผู้เป็นโอรสได้ขึ้นสืบราชสมบัติ และทรงสร้าง “อีศานปุระ” ที่แปลว่า “เมืองของพระเจ้าอีศานวรมัน” ขึ้นเป็นราชธานีของพระองค์
พระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 1159 – 1179 นับเป็นกษัตริย์ที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเจนละอย่างแท้จริง พระองค์ทรงสามารถผนวกดินแดนฝูหนานได้สำเร็จ และยังทรงแผ่ขยายอำนาจของเจนละออกไปอย่างกว้างใหญ่ จนมีอาณาเขตเกือบเท่าประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน
อาณาจักรเจนละสืบต่อความรุ่งเรืองภายหลังสิ้นรัชสมัยพระเจ้าอิศานวรมันที่ 1 ได้อีกเพียง 78 ปี ภายใต้กษัตริย์ 3 พระองค์ แต่ในที่สุดเจนละก็ต้องแตกออกเป็น 2 แคว้น คือ เจนละบก ตั้งอยู่ทางเหนือตรงกับบริเวณที่ตั้งของอาณาจักรเจนละเดิม และเจนละน้ำ ตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นอาณาจักรฟูนันโบราณมาก่อน ต่อมาเจนละน้ำได้ถูกอาณาจักรชวาเข้ายึดครองในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 13 และยังได้นำตัวรัชทายาทคือ เจ้าชายวรมันที่ 2 ไปเป็นตัวประกัน
จนถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 14 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เสด็จกลับจากชวา และทรงปลดปล่อยอาณาจักรเจนละให้เป็นอิสระ พระองค์ทรงรวบรวมบ้านเมืองที่แตกแยกเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมด้วยการสถาปนาลัทธิเทวราชาขึ้นที่มเหนทรมหาบรรพต หรือพนมกุเลนในปี พ.ศ. 1345 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดศักราชใหม่ในการสู่ “สมัยเมืองพระนคร” ที่จะมีศูนย์กลางอำนาจอันรุ่งเรืองบริเวณลุ่มน้ำโตนเลสาบอย่างแท้จริงต่อไป
ประวัติศาสตร์นอกตำราออกเดินทางสำรวจกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก ซึ่งเป็นชื่อใหม่ที่แปลว่า “ป่าอันสมบูรณ์ไปด้วยปราสาท” ทั้งหมดคือหลักฐานความรุ่งเรืองที่เคยเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-14 ของอาณาจักรอีศานปุระ โดยเฉพาะเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปะกรรมแบบสมโบร์ไพรกุกที่นับเป็นแบบแผนประจำรัชกาลพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 นับเป็นกลุ่มโบราณสถานลำดับที่ 3 ของกัมพูชาต่อจากปราสาทนครวัด และปราสาทเขาพระวิหาร