ชื่อผู้แต่ง | ตรงใจ หุตางกูร |
วารสาร/นิตยสาร | ดำรงวิชาการ |
เดือน | มกราคม |
ปีที่ | 13 |
ฉบับที่ | 1 |
หน้าที่ | 11 - 44 |
ภาษา | ภาษาไทย |
หัวเรื่อง | - |
บทความนี้ วิเคราะห์หาพัฒนาการของภูมิศาสตร์พืชพรรณสมัยโฮโลซีนในพื้นที่ราบภาคกลางตอนล่าง โดยบูรณาการข้อมูลด้านธรณีสัณฐาน เรณูวิทยา และค่าเรดิโอคาร์บอน เพื่อกำหนดแนวชายฝั่งทะเลโบราณสมัยทวารวดี ผลการศึกษาพบว่า แนวชายฝั่งทะเลโบราณตลอดสมัยโฮโลซีน มีสภาพนิเวศแบบผืนป่าชายเลน เมื่อราว 8,400 ปีมาแล้วตามปีปฏิทิน เกิดกรากฏการณ์การรุกเข้าสูงสุดของน้ำทะเลสมัยโฮโลซีน ทำให้น้ำทะเลขึ้นมาถึงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ต่อไปถึง จ.อ่างทอง ต่อมาเมื่อเกิดการถอถอยของน้ำทะเลสมัยโฮโลซีนตั้งแต่ราว 7,000 ปีมาแล้วตามปีปฏิทิน ทำให้แนวชายฝั่งทะเลสมัยทวารวดี มีผืนป่าชายเลนอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
ดังนั้นแนวชายฝั่งทะเลร่วมสมัยทวารวดี จึงมีขอบเขตไม่อยู่เหนือไปกว่าพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเป็นไปไม่ได้ที่น้ำทะเลจะขึ้นไปประชิดถึงที่ตั้งเมืองสำคัญของทวารวดี อาทิ อู่ทอง หรือ เมืองนครปฐมโบราณ
ธรณีสัณฐาน และเรณูวิทยา
บทความนี้ วิเคราะห์หาพัฒนาการของภูมิศาสตร์พืชพรรณสมัยโฮโลซีนในพื้นที่ราบภาคกลางตอนล่าง โดยบูรณาการข้อมูลด้านธรณีสัณฐาน เรณูวิทยา และค่าเรดิโอคาร์บอน เพื่อกำหนดแนวชายฝั่งทะเลโบราณสมัยทวารวดี ผลการศึกษาพบว่า แนวชายฝั่งทะเลโบราณตลอดสมัยโฮโลซีน มีสภาพนิเวศแบบผืนป่าชายเลน เมื่อราว 8,400 ปีมาแล้วตามปีปฏิทิน เกิดกรากฏการณ์การรุกเข้าสูงสุดของน้ำทะเลสมัยโฮโลซีน ทำให้น้ำทะเลขึ้นมาถึงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ต่อไปถึง จ.อ่างทอง ต่อมาเมื่อเกิดการถอถอยของน้ำทะเลสมัยโฮโลซีนตั้งแต่ราว 7,000 ปีมาแล้วตามปีปฏิทิน ทำให้แนวชายฝั่งทะเลสมัยทวารวดี มีผืนป่าชายเลนอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
ดังนั้นแนวชายฝั่งทะเลร่วมสมัยทวารวดี จึงมีขอบเขตไม่อยู่เหนือไปกว่าพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเป็นไปไม่ได้ที่น้ำทะเลจะขึ้นไปประชิดถึงที่ตั้งเมืองสำคัญของทวารวดี อาทิ อู่ทอง หรือ เมืองนครปฐมโบราณ
ธรณีสัณฐาน และเรณูวิทยา