ชื่อผู้แต่ง | ชัยรัตน์ วิชชาพิณ |
วารสาร/นิตยสาร | วารสารสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม |
เดือน | ตุลาคม-ธันวาคม |
ปี | 2563 |
ปีที่ | 4 |
ฉบับที่ | 4 |
หน้าที่ | 45-52 |
ภาษา | ไทย |
หัวเรื่อง | ผลกระทบ, การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน, ปราสาทหินพิมาย |
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลกระทบของการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมาย: กรณีศึกษาตำบลในเมือง อำเภอ พิมาย จังหวัดนครราชสีมา และ 2) เพื่อศึกษาวิธีการต่อต้านการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมายภายในชุมชน ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นหลัก ผู้วิจัยเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยวิธีเฉพาะเจาะจง จำนวน 10 คน ประกอบไปด้วยกลุ่มคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เจ้าหน้าที่จากส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น คือ เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 10 จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพิมาย จำนวน 2 คน และผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ชาวตำบลพิมาย จำนวน 6 คน คือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ประกอบการค้าขาย ช่าง เกษตรกร จำนวน 2 คน และผู้รับจ้างอิสระ และเสริมข้อมูลให้ครบถ้วนด้วยการวิจัยเชิงเอกสารประกอบ โดยศึกษาจากเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม ผลการศึกษา พบว่า ผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมาย ประกอบไปด้วย 6 ประการ คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สภาพจิตใจของประชาชน ประชาชนถูกดำเนินคดี เครดิตในการกู้ยืมเงินลดลง กระทบต่อการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และประชาชนรู้สึกถูกลิดรอนสิทธิ และวิธีการต่อต้านการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมายของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบไปด้วย 7 วิธีการด้วยกัน คือ การชุมนุมเดินขบวน การฟ้องร้องศาลปกครอง การขึ้นป้ายคัดค้าน การร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ร้องเรียนต่อรัฐมนตีกระทรวงวัฒนธรรม ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และการร้องเรียนต่อกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลกระทบของการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมาย: กรณีศึกษาตำบลในเมือง อำเภอ พิมาย จังหวัดนครราชสีมา และ 2) เพื่อศึกษาวิธีการต่อต้านการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมายภายในชุมชน ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นหลัก ผู้วิจัยเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยวิธีเฉพาะเจาะจง จำนวน 10 คน ประกอบไปด้วยกลุ่มคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เจ้าหน้าที่จากส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น คือ เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 10 จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพิมาย จำนวน 2 คน และผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ชาวตำบลพิมาย จำนวน 6 คน คือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ประกอบการค้าขาย ช่าง เกษตรกร จำนวน 2 คน และผู้รับจ้างอิสระ และเสริมข้อมูลให้ครบถ้วนด้วยการวิจัยเชิงเอกสารประกอบ โดยศึกษาจากเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม ผลการศึกษา พบว่า ผลกระทบจากการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมาย ประกอบไปด้วย 6 ประการ คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สภาพจิตใจของประชาชน ประชาชนถูกดำเนินคดี เครดิตในการกู้ยืมเงินลดลง กระทบต่อการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และประชาชนรู้สึกถูกลิดรอนสิทธิ และวิธีการต่อต้านการขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทหินพิมายของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบไปด้วย 7 วิธีการด้วยกัน คือ การชุมนุมเดินขบวน การฟ้องร้องศาลปกครอง การขึ้นป้ายคัดค้าน การร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ร้องเรียนต่อรัฐมนตีกระทรวงวัฒนธรรม ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และการร้องเรียนต่อกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม