ชื่อผู้แต่ง | เกรียงไกร เกิดศิริ |
วารสาร/นิตยสาร | หน้าจั่ว |
ปี | 2550 |
ฉบับที่ | 5 |
หน้าที่ | 113-125 |
ภาษา | ไทย |
ในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมมีความจำเป็นที่ต้องผสานแนวความคิดของการอนุรักษ์ แบบสากลเข้ากับบริบทของท้องถิ่น เพื่อทำให้แนวความคิดในการอนุรักษ์สามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริงและสอดคล้องกับพื้นที่ แม้ว่าดูเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นที่จะทำ มิฉะนั้นมรดกทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมทั้งหลายจะต้องสูญสลายลงด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และความปรารถนาดีแต่ไม่ได้รับรู้ว่าผลของการปฏิบัตินั้นได้ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อมรดกของมนุษยชาติลงไปอย่างไม่อาจจะเรียกร้องให้กลับคืนมาได้อีกเลย
สำหรับกรณีของเมืองพุกามแห่งนี้จะเห็นได้ว่าปัจจัยคุกคามที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อมรดกทางสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์วัฒนธรรมเกิดจากการพัฒนาพื้นที่และการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่เคารพต่อบริบทด้านต่างๆ ใช้เพียงคำว่า “อนุรักษ์” นำมาเป็น เครื่องมือในการจัดการพื้นที่และสร้างสิทธิธรรมให้แก่การจัดการพื้นที่ ด้วยการแยกประชาชนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมรดกทางวัฒนธรรมของตนมาหลายชั่วอายุคนออกไปจากพื้นที่ทางจิตวิญญาณของตน และพัฒนาพื้นที่โดยไม่เคารพต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ทรัพยากรทางวัฒนธรรมในเมืองพุกามถูกมองเป็นเพียงสินค้าทางการท่องเที่ยวที่จะดึงดูดเงิน รายได้จำนวนมหาศาลมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลทหารพม่า ทำให้การจัดการที่เกิดขึ้นเป็นการจัดการที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
การล่มสลายลงของมรดกทางสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเมืองโบราณพุกามคงอยู่ไม่ไกลนักหากผู้มีอำนาจยังปฏิบัติต่อพื้นที่อย่างเลือกปฏิบัติ และผู้ปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเสียหายกลับเป็นภาครัฐที่ควรจะมีหน้าที่พิทักษ์รักษามรดกทางวัฒนธรรมที่มีอายุร่วมพันปีเหล่านี้ให้ดำรงลมหายใจต่อไป
การจัดการใดๆที่เกิดขึ้นต้องให้ความเคารพต่อคุณค่าทุกๆด้านของมรดกทางวัฒนธรรมอันจะเป็นฐานทางความรู้และเป็นมรดกแก่ลูกหลานชาวพม่าและมนุษยชาติ หากคำนึงถึงคุณค่าด้านต่างๆอย่างครบถ้วนและลึกซึ้งเพียงพอแล้ว การจัดการที่เกิดขึ้นก็จะมีประสิทธิภาพและยังประโยชน์แก่ทุกๆฝ่ายอย่างแท้จริง หากมิฉะนั้นแล้วคำว่า “อนุรักษ์” คงจะเป็นเพียงหน้ากากที่งดงาม และเป็นคำที่ดูสวยหรูเพื่อสร้างสิทธิธรรมให้แก่ความไม่ชอบธรรมในการจัดการพื้นที่เช่นนี้ต่อไป
ภาพเก่าเทียบกับภาพปัจจุบัน และหลักฐานชั้นรองอื่นๆ
ในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมมีความจำเป็นที่ต้องผสานแนวความคิดของการอนุรักษ์ แบบสากลเข้ากับบริบทของท้องถิ่น เพื่อทำให้แนวความคิดในการอนุรักษ์สามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริงและสอดคล้องกับพื้นที่ แม้ว่าดูเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นที่จะทำ มิฉะนั้นมรดกทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมทั้งหลายจะต้องสูญสลายลงด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และความปรารถนาดีแต่ไม่ได้รับรู้ว่าผลของการปฏิบัตินั้นได้ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อมรดกของมนุษยชาติลงไปอย่างไม่อาจจะเรียกร้องให้กลับคืนมาได้อีกเลย
สำหรับกรณีของเมืองพุกามแห่งนี้จะเห็นได้ว่าปัจจัยคุกคามที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อมรดกทางสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์วัฒนธรรมเกิดจากการพัฒนาพื้นที่และการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่เคารพต่อบริบทด้านต่างๆ ใช้เพียงคำว่า “อนุรักษ์” นำมาเป็น เครื่องมือในการจัดการพื้นที่และสร้างสิทธิธรรมให้แก่การจัดการพื้นที่ ด้วยการแยกประชาชนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมรดกทางวัฒนธรรมของตนมาหลายชั่วอายุคนออกไปจากพื้นที่ทางจิตวิญญาณของตน และพัฒนาพื้นที่โดยไม่เคารพต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ทรัพยากรทางวัฒนธรรมในเมืองพุกามถูกมองเป็นเพียงสินค้าทางการท่องเที่ยวที่จะดึงดูดเงิน รายได้จำนวนมหาศาลมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลทหารพม่า ทำให้การจัดการที่เกิดขึ้นเป็นการจัดการที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
การล่มสลายลงของมรดกทางสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเมืองโบราณพุกามคงอยู่ไม่ไกลนักหากผู้มีอำนาจยังปฏิบัติต่อพื้นที่อย่างเลือกปฏิบัติ และผู้ปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเสียหายกลับเป็นภาครัฐที่ควรจะมีหน้าที่พิทักษ์รักษามรดกทางวัฒนธรรมที่มีอายุร่วมพันปีเหล่านี้ให้ดำรงลมหายใจต่อไป
การจัดการใดๆที่เกิดขึ้นต้องให้ความเคารพต่อคุณค่าทุกๆด้านของมรดกทางวัฒนธรรมอันจะเป็นฐานทางความรู้และเป็นมรดกแก่ลูกหลานชาวพม่าและมนุษยชาติ หากคำนึงถึงคุณค่าด้านต่างๆอย่างครบถ้วนและลึกซึ้งเพียงพอแล้ว การจัดการที่เกิดขึ้นก็จะมีประสิทธิภาพและยังประโยชน์แก่ทุกๆฝ่ายอย่างแท้จริง หากมิฉะนั้นแล้วคำว่า “อนุรักษ์” คงจะเป็นเพียงหน้ากากที่งดงาม และเป็นคำที่ดูสวยหรูเพื่อสร้างสิทธิธรรมให้แก่ความไม่ชอบธรรมในการจัดการพื้นที่เช่นนี้ต่อไป
ภาพเก่าเทียบกับภาพปัจจุบัน และหลักฐานชั้นรองอื่นๆ